เพราะข้อสอบ TOEFL และ IELTS นั้น เวลาในการทำแบบทดสอบคือ 60 นาทีเทียบเท่า โดยจะเฉลี่ยออกเป็น 3-4 เรื่องหลักเรียน IELTS แต่ทว่าโดยทั้งไปแล้วจะมี 3 เรื่องหลักๆ ซึ่งแต่ละเรื่องจะมี 13-14 ข้อเช่นเดียวกันต่อมาเป็นส่วนของแก่นสารข้อสอบ หลายคนให้ความเข้าใจว่าข้อสอบ TOEFLจะมีสาระสำคัญวิชาการและยากกว่าแบบทดสอบ IELTS เพราะ TOEFL มี Practical มากกว่าคือมีการนำข้อเขียนใน Textbooks หรือใจความวิชาการ ซึ่งเวลาจะไปศึกษาต่อต้องอ่านความรู้จาก Textbooks เหล่านี้มากกว่าจะอ่านข้อเขียนจากแหล่งความรอบรู้อื่นๆ เช่น วารสาร วิจัย เช่นนั้นการวัดความรอบรู้ของแบบทดสอบ TOEFL จึงตรงเป้าและเป็นทักษะที่อาจจะนำไปใช้ในชีวิตจริงและเรื่องการเรียนมากกว่า IELTS โดยรวมแล้วข้อสอบ TOEFL จะเน้นไปที่ความรู้ความเข้าใจ และการตีความมากกว่า ดังนั้นกิจ. งานหลักที่ต้องทำคือการอ่านบทความและตีความสาระสำคัญตรงนั้น และนำมาตอบคำถาม ซึ่งแท้ว่าการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย ความชำนาญการสรุปความเป็นสิ่งสำคัญ และทำเป็นนำไปใช้จริงได้ การวัดความรอบรู้ของผู้สอบก่อนไปเรียนจึงสำคัญและ TOEFL ก็ทำได้ตรงประเด็น หรือโจทย์ที่ถามความหมายคำยากก็ใช้ได้จริงขณะที่แบบทดสอบการอ่านของ IELTS จะยากกว่ามาก เพราะคนที่เคยสอบจะรู้ว่าถ้าคุณหา keywords เจอ คุณก็จะตอบปริศนานั้นได้ ฉะนั้นในเวลาที่จำกัดการหาประโยคเจอนั้นทำได้ยากมาก รวมถึงการอ่านทั้ง paragraph ทำได้และเจอคำเฉลยแน่นอน แต่ก็ต้องใช้ทักษะการหา ซึ่งในข้อสรุปเราเรียนในคลาสอ่านคัมภีร์สอบ ความสามารถการอ่าน และจับใจความยิ่งใหญ่ของเนื้อหาน่าจะสำคัญกว่าฝีไม้ลายมือการหาคำถามอักษรไขว้ ใครตาไวก็จะเจอคำตอบ จำพวกของการใส่ใจ!!!
TOEFL คือการตรวจฟัง Lecture จากผู้สอน มีบทคุยเรื่องชีวิตประจำวัน จากนั้นจึงมาทำโจทย์ ซึ่งเป็นการสังเขปแก่นสารจากที่เราฟัง มันจึงตัดเส้นไปที่ฝีไม้ลายมือการฟังของผู้สอบที่ต้องใช้จริง ดังนั้นการรวบรัดความที่ได้ฟังจึงเป็นความถนัดที่สำคัญกว่า ในขณะที่ข้อสอบการฟัง IELTS นั้นเน้นย้ำให้ฟัง ถ้าอาจจะฟังคำนั้นได้ก็ทำข้อสอบได้ มีการตีความบ้างแต่จำนวนมากเน้นฟัง Keywords ให้ออก ข้อสำคัญคือการเห็นโจทย์ก่อน ไม่ได้ช่วยให้ทำข้อสอบได้มากขึ้น แถมปัญหาที่ให้จะทำให้เราสับสนกับบทสั่งสนทนาที่ฟังได้เช่นกัน เพราะเราจะหมั่นเพียรจดจ่อกับ คำตอบที่มีในโจทย์จนทำให้เสียภาวะจิตสงบในการฟังไป ในบั้นปลายทำไม่ได้เพราะด้วยโจทย์หลอกให้งงเห็นได้ชัดว่าการสอบขั้วเรียน IELTS นั้นวัดการฟังคำๆ นึงมากกว่า ซึ่งก็ไม่ได้มีผลอะไรมากในบทพูดจาจริงๆ ด้วยว่าเราใช้บริบทหรือประโยคเคียงคู่เข้าช่วยอยู่แล้ว แต่ IELTS มาวัดตรงนี้ ส่วน TOEFL นั้น เขาให้คุณฟังจริงๆ อย่างเดียว ไม่ต้องเสียภาวะจิตสงบกับโจทย์แล้วสรุปใจความ หรือประเด็นประธานแล้วไปตอบคำถาม ซึ่งเป็นมั่นเป็นเหมาะ ไม่มีใครฟังได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกคำ-จำได้ทุกประโยค แต่ถ้าคุณทำเป็นสรุปมุมมองหลักได้คุณก็ได้คะแนนส่วนของการพูด!!! สำหรับตัวข้อสอบในส่วนของการพูดของ TOEFL นั้นจะเฉลี่ยออกเป็น 6 ข้อด้วยกัน สองข้อแรกจะเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม สองข้อต่อมาเป็นบทสั่งสนทนาโดยให้จับใจความและแสดงแง่คิด และสองข้อต่อมามีชีวิตการฟังเลคเชอร์คือให้ฟังและจับหลักใหญ่เอ้ สิ่งที่ยากที่สุดของ TOEFL คือประเด็นของเวลาเพราะมีเวลาที่จำกัดมาก กล่าวคือจะมีการเล่าหรือบทพูดคุยมาให้ฟัง จากตรงนั้นให้เวลาคิดและมีช่วง 1-1.30 นาทีในการบันทึกเสียง นั่นหมายความว่านอกจากจะต้องฟังให้ได้การแล้ว ยังต้องตรึกตรองคำพูดที่แนบสนิทได้ใจความและเที่ยงตรงตามหลักไวยากรณ์อีกด้วย เพราะที่จะอัดให้ได้ในเวลา 1 นาทียกเว้นนี้ส่วนแบ่งคำในการสอบ TOEFL จะนับจำนวนคำที่พูดด้วย ซึ่งส่งผลต่อแต้ม เช่นหากพูดช้า จำนวนคำที่คิดคะแนนก็น้อยตามไปด้วย และถ้าหากเว้าเร็วแล้วผู้ตัดสินฟังไม่รู้เรื่อง การพูดเร็วถ้าไม่ถือใจจริงจะยิ่งทำให้คะแนนที่ได้น้อยกว่าพูดช้าเสียอีก ความยากอยู่ตรงที่เราไม่ทำได้คาดการณ์หรือเตรียมตัวอะไรได้เลยข้อสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 3 พาร์ทด้วยกัน คือเรื่องใกล้ตัว เรื่องดารดาษ และเรื่องต่อยอดจากเรื่องทั่วไป สำหรับทรรศนะของเราคือ “IELTS” พูดกับคนซึ่งถ้ากรรมการใจดีเวลาเรานึกอะไรไม่ออก เขาก็จะช่วยพูดนำให้เรามีเรื่องคุยต่อ ถึงแม้ในพาร์ท 2 จะให้เราพูดสดคนเดียว 2 นาทีก็ตาม เน้นไปในการชี้แจงสิ่งต่างๆ คิดกันหน่อยนะ แต่ก็ยังงามตากว่าใช่มั้ยล่ะ
และการเตรียมตัวในส่วนของการเขียน
TOEFL พร้อมกับ IELTS สอดเป็นสองส่วนเหมือนกัน แต่ความยากไม่เหมือนกันมาก สำหรับ IELTS ในพาร์ทแรกจะเป็นการชี้แจงกราฟ รูป ซึ่งถ้าใครฝึกบ่อยๆ มันจะมีอยู่ Pattern ของมัน ต้องได้ 150 คำในเวลา 20 นาที หมู่ TOEFL พาร์ทแรกมุ่งเน้นการอ่านด้วยกันฟังเลคเชอร์ ต้องทำให้ได้อย่างน้อย 150-220 คำในเวลา 20 นาที โดยโควตาคำมีผลต่อแต้มด้วยเพราะด้วยพารท์สองโจทย์จะละม้ายๆ กันแต่ข้อสอบ TOEFL ให้เวลาเพียง 30 นาทีสำหรับ 300 คำ ในช่วงที่ข้อสอบ IELTS ให้เวลา 40 นาที 250 คำ จะเห็นได้ว่าแบบทดสอบ TOEFL นั้นยากเข็ญกว่าอย่างเห็นได้ชัดส่วนสาระ TOEFL ที่ต้องพิมพ์ 5 paragraph และอย่างสังเขป โดยจะมีให้เรา agree or disagree และให้สาเหตุประกอบ เช่น ถ้าเรา agree จะต้องมีเหตุผล support ทั้งสามสาเหตุที่ตรงกับเราเขียนไว้ เช่น ถ้า agree ก็ต้องมีเหตุ ด้าน agree support ทั้ง 3 ข้อ การเรียบเรียงเหตุผลด้าน disagree ถ้าเขียนไม่ดีจริงจะทำให้ผู้ชี้ขาดมองว่าเนื้อหาเราสับสนในขณะที่เรียน IELTS พิมพ์แค่ 4 paragraph คือ intro body 1 และ 2 และกำหนด โดยจะเปิดรับกว่า TOEFL มากคือจะให้เข้าฉากไอเดียทั้งสองอย่างระหว่าง agree และ disagree ซึ่งไม่ต้องสำนึกเหตุผลถึงสามข้อและยังให้เวลาที่มากกว่าโทเฟล คือให้เขียนแค่ข้อดี-ข้อเสีย และความเห็นเราเท่านั้นสิ่งที่ต้องระวังคือการตอบข้อสงสัยว่าครบทุกข้อไหม เช่น คุณจะทำอะไร ระหว่าง A และ B ให้วิเคราะห์ทั้งข้อดีและข้อเสีย และความเห็นของเรา ย่อใจความต้องพิสัชทั้งหมด 5 ข้อ มองในอีกแง่ก็คือไอเอลทำให้เรามีสาระที่จดมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น